NEWS ROOM

“เวทีสานพลังวิจัย สู่การปฏิบัติจริง” รวมพลังนักวิจัย SHA ขับเคลื่อนอนาคตประเทศไทยด้วยความรู้เพื่อสังคมยั่งยืน

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับ สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) จัดเวทีประชุมวิชาการ “เวทีสานพลังวิจัย สู่การปฏิบัติจริง: เมื่อสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ ออกแบบอนาคตประเทศไทย” ในวันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2568 เวลา 09.00–16.30 น. ณ ห้องอินฟินิตี้ 2 โรงแรมพูลแมน 
คิงเพาเวอร์ กรุงเทพฯ
เวทีครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนผลงานวิจัยด้าน SHA (Social Sciences, Humanities, and Arts) สู่การใช้ประโยชน์จริง ทั้งเชิงนโยบาย เชิงพื้นที่ และเชิงสังคม โดยสอดคล้องกับแผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ พ.ศ. 2566–2570 ซึ่งมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิต ความสามารถในการแข่งขัน และการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศ ผ่านการบูรณาการพลังความรู้จากทุกภาคส่วน

.
หนึ่งในไฮไลต์ของงานคือ ปาฐกถาพิเศษ โดย ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ในหัวข้อ “สังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์เพื่อการขับเคลื่อนประเทศไทย ให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว”

ซึ่งกล่าวถึง มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์จะนำประเทศของเราก้าวพ้นกับดักประเทศรายได้ปานกลางได้อย่างไร” โดยให้ความสำคัญของการพัฒนาแบบสมดุลระหว่างความรู้ “สองขา” — ทั้งด้าน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และ มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ที่ควรเดินควบคู่กัน

“STEM สอนเรา วิธีการสร้าง แต่มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์สอนเรา สร้างอะไร สร้างเพื่อใคร และสร้างทำไม” — ศ. พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนกฯ ย้ำว่า ประเทศไทยต้องไม่มองมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์เป็นเพียงศาสตร์เสริม แต่ต้องถือเป็นแกนกลางของการกำหนดทิศทางการพัฒนา โดยเฉพาะในยุคที่การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีรวดเร็ว หากไม่มี “พวงมาลัย” ที่ชี้ทางจากศาสตร์แห่งจริยธรรม ประวัติศาสตร์ และอัตลักษณ์ไทย เทคโนโลยีอาจกลายเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนผิดทิศได้

“ประเทศที่เจริญที่สุด ไม่ใช่ประเทศที่มีแต่วิศวกร แต่เป็นประเทศที่วิศวกรและนักประวัติศาสตร์เดินไปด้วยกัน” พร้อมเสนอ 6 แนวทางเชิงนโยบาย ได้แก่ การเพิ่มทุนวิจัยด้านมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ การบูรณาการปรัชญาในหลักสูตร STEM การฟื้นฟูวัฒนธรรมอย่างมีอัตลักษณ์ และการเปลี่ยนมายเซ็ตของสังคมให้เห็นว่างานวิชาการก็สนุกและมีจินตนาการได้

ศ. พิเศษ ดร.เอนก ให้โจทย์ท้าทายว่า อยากจะเห็นแผนงานวิจัยด้านสังคมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ สำเร็จภายในปี 2580 คืออยากให้งานด้านนี้สำเร็จลุล่วงและนำพาประเทศไทยให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว ที่สำคัญเราต้องทำงานอย่างมียุทธศาสตร์ และขับเคลื่อนงานอย่างมีกลยุทธ์และต้องมองบริบทอย่างรอบด้านมองทั้งบริบทไทยและต่างประเทศทำงานต้องทำให้เร็วต้องมีความรับผิดชอบต่อภารกิจที่เราทำอยู่และมีความรับผิดชอบต่องบประมาณที่เราได้รับ

อยากให้นักวิจัยไทยและนักวิชาการไทยเชื่อมั่นในความเก่งของตัวเองเชื่อมั่นในความรู้และต้องเอาความรู้มาใช้ให้ได้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศและที่สำคัญคืองานทั้งสามด้านต้องบูรณาการไปด้วยกันต้องไม่คิดแยกส่วนเพราะถ้าแยกส่วนจะไม่เกิดพลัง

รวมถึงการมองปัญหาให้เป็นโอกาสที่สำคัญอยากให้นักวิชาการไทยส่งออกความรู้ใหม่ใหม่ไปให้ทั่วโลกได้รับรู้ และอยากให้สื่อสารถึงความงดงามตลอดจนคุณค่าความเป็นไทย ไปให้สากลโลกได้เห็นศักยภาพของประเทศไทย

ศ.ดร.สมปอง คล้ายหนองสรวง ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)กล่าวถึง แผนด้านวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ พ.ศ. 2566–2570 ว่าเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ประเทศพัฒนาแล้ว พร้อมรับมือกับอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน

และสร้างเศรษฐกิจบนฐานคุณค่าและคุณภาพ ด้วยพลังจากวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม กล่าวว่า ประเทศไทยจะพัฒนาอย่างยั่งยืนได้ ต้องผสาน “ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” เข้ากับ “ความเข้าใจมนุษย์ผ่านศาสตร์ด้าน SHA” เพื่อสร้างสังคมที่มีทั้งขีดความสามารถทางเศรษฐกิจ และความงอกงามทางอารยธรรม

ศ.ดร.สมปอง กล่าวเสริมว่าหนึ่งในความสำเร็จเชิงรูปธรรมของงานวิจัยทางสังคมไทย ภายใต้โครงการ “มีดี พลังเกษียณสร้างชาติ” ที่พิสูจน์ว่า งานวิจัยสามารถเปลี่ยนชีวิตคนได้จริง โดยเฉพาะในสังคมสูงวัยที่กำลังทวีความสำคัญในประเทศไทย โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของ ยุทธศาสตร์ที่ 2 ของแผนวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (ววน.) ซึ่งได้รับการสนับสนุน โดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ผ่าน กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมตั้ งแต่ปี พ.ศ. 2563 ที่มุ่งเปลี่ยน “ผู้สูงอายุ” ให้กลายเป็นพลังของชาติ “เกษียณมีดี” เทคโนโลยีที่เข้าใจผู้สูงวัย หนึ่งในหัวใจของความสำเร็จคือการพัฒนา แพลตฟอร์มการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับผู้สูงอายุ ผ่านแอปพลิเคชัน “เกษียณมีดี” บน Line และ Facebook ที่ออกแบบอย่างเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานของผู้สูงวัย ช่วยให้พวกเขาเข้าถึงความรู้ ทักษะ และตลาดออนไลน์ได้ง่ายดายโดยไม่ต้องมีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีมาก่อน

Impact ที่สัมผัสได้จริง: ผู้สูงอายุไม่ใช่ภาระ แต่คือโอกาส ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจาก “มีดี” ไม่เพียงเป็นตัวเลข แต่คือการยกระดับชีวิต
• ผู้สูงวัย เข้าร่วมโครงการกว่า 12,782 คน
• สร้างรายได้เฉลี่ย 7,987.50 บาท/เดือน ผ่านตลาดออนไลน์ “มีดี: ตลาดคนมีดี”
• ผู้เข้าร่วมบางรายมีรายได้สูงสุดถึง 30,000 บาท/เดือน
• มีเครือข่าย โรงเรียนและชมรมผู้สูงอายุ 42 แห่ง
• เชื่อมโยงกับ หน่วยงานราชการท้องถิ่น 58 แห่ง
• ผู้ได้รับประโยชน์ทางอ้อมกว่า 19,886 คน
ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) กล่าวในการบรรยายพิเศษเรื่อง “นโยบายและการขับเคลื่อนงานด้าน SHA” “มนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์ (SHA) ไม่ใช่แค่ศาสตร์แห่งความงามหรือความเข้าใจมนุษย์ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการออกแบบอนาคตของประเทศไทย”

โดยในช่วงบ่ายมีกิจกรรม Workshop และการระดมสมอง ในหัวข้อ “ปัจจุบันและอนาคตในการขับเคลื่อนงานวิจัยด้าน SHA” ซึ่งจะเปิดพื้นที่ให้นักวิจัย ภาคนโยบาย และ ภาคปฏิบัติ ได้ร่วมกันเสนอแนวทางการนำงานวิจัยไปใช้จริงอย่างไรก็ดีเวทีนี้จึงเป็นมากกว่างานสัมมนา แต่คือ “พื้นที่แห่งการเปลี่ยนแปลง” ที่สะท้อนให้เห็นว่า งานวิจัยด้าน SHA มีพลังในการยกระดับชีวิตคนไทยทุกช่วงวัย, เพิ่มรายได้, สร้างโอกาส, และ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการเข้าสู่สังคมอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ดร.สุรชัย กล่าวทิ้งท้าย โดยได้ฉายภาพบริบทเชิงนโยบาย และทิศทางที่สอวช. และ สกสว. จะดำเนินการร่วมกันในแง่ของการพัฒนางานด้านสังคมศาสตร์ มนุษย์ศาสตร์และศิลปกรรมศาสตร์ซึ่งสอวช. ก็กำลังอยู่ในช่วงบูรณาการความรู้ต่างๆ ให้เข้ากันกับบริบททางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมโดยที่ สอวช. จะพยายามพัฒนาอีโคซิสเต็มส์หรือระบบนิเวศน์ที่เอื้อต่อการขับเคลื่อนงานทั้งสามด้านดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้นต่อไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.)
คุณรพีพร สิทธิ
โทร: 085 045 1336